สุขสันต์วันครอบครัว
นานๆจะได้มาอยู่พร้อมหน้ากันอย่างครบถ้วน ในช่วงเทศกาลแห่งปีใหม่ไทยที่เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ทุกครอบครัวก็คงอยากให้เป็นเช่นนี้
ลูกหลานจะอยู่ใกล้หรือไกล อยู่ ณ แห่งหนตำบลใด ก็มักจะโลดแล่นและเริงร่า เดินทางไปมาหาสู่กัน นัดหมายกันเพื่อคืนสู่เหย้า โดยมีพ่อกับแม่หรือญาติผู้ใหญ่เป็นเสาหลัก
คำว่าหลักคือความมั่นคงและอบอุ่น ช่วยเหลือเจือจุนและรับฟังปัญหาได้ทุกอย่าง ใช้เวลาในวันหยุดยาวพบปะก่อนจะแยกย้ายไปทำงานหรืออยู่กับคนที่รัก ที่มีความเป็นส่วนตัวของแต่ละคน
ผมกับครอบครัว พ่อแม่ลูกยังไม่ได้ไปไหนเลย ทุกคนตกลงกันว่าจะอยู่บ้าน ไม่เดินทางในช่วงสงกรานต์ ที่มีผู้คนและรถยนต์บนท้องถนนมากมาย
นับเป็นความโชคดีที่ลูกสองคนทำงานใกล้บ้านอยู่แล้ว การนัดพบกันในวันครอบครัวจึงไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ต้องยุ่งยากอีกต่อไปในเรื่องเวรยามของโรงเรียน
คนเล็กเป็นครูผู้ช่วย คนโตเป็นรองผู้อำนวยการฯ แต่ผมก็คอยเตือนให้แวะเวียนไปโรงเรียนบ้าง สถานที่ทำมาหากินของเรา ควรมีใจที่จะให้ความรักและความผูกพัน โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครสั่ง
ลูกชายคนเล็กนำหนังสือแจ้งผลการเลื่อนเงินเดือนมาให้ดู ร้อยละที่เป็นตัวชี้วัดความดีความชอบค่อนข้างสูงทีเดียว จัดอยู่ในระดับ “ดีเด่น”
พ่อในฐานะที่เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน ก็อยากจะบอกลูกว่า จงทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ หากคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ก็จงรักษาความดีอันนี้ต่อไป
ผมไม่รู้ว่าลูกชายจะได้ยินถ้อยคำที่ผมพูดหรือเปล่า แต่ที่ลูกชายพูดออกมาผมได้ยินชัดเจน
“พ่อออกรถปิคอัพให้ผมสักคันนะ รถที่พ่อให้ใช้วิ่งบนทางลูกรังไม่ค่อยดี มันเก่าแล้วด้วยต้องซ่อมบ่อย” “เดี๋ยวพ่อต้องปรึกษาแม่เขาก่อนนะ” ผมรับฟังและทิ้งท้ายไว้แค่นั้น
ลูกชายคนโตไม่ขออะไรมาก นอกจากวางแผนจะไปดูแลผืนนาที่ต่างจังหวัด ปีนี้จะนำกล้าไม้ไปปลูกและหว่านเมล็ดพันธุ์ไม้ป่า ตามประสาคนรักต้นไม้
“การเดินทางครั้งนี้พ่อออกค่าน้ำมันรถกับค่าโรงแรมนะครับ” “ได้สิลูก” ผมตอบตกลง
ปีใหม่ไทยครั้งแรกหลังกษียณอายุราชการก็จะประมาณนี้ กินข้าวและพูดคุยกันตามประสาครอบครัวเล็กๆ
ไม่มีอะไรดีไปกว่า การสร้างความสุขสันต์และทำทุกวันให้สดใส ตลอดจนไม่ลืมที่จะบอกตัวเอง “จงอย่าเสียดายกับเรื่องที่ผ่านมา แต่จงมีความสุขกับเวลาที่เหลืออยู่......”
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๔ เมษายน ๒๕๖๗
ไม่มีความเห็น