บทความเรื่อง How to bridge the experience gap by by supporting nurses of all tenures ในเว็บไซต์ของ McKinsey บอกผลการวิจัยในพยาบาลเกือบ ๖ พันคน ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ ร่วมกับ American Nurses Foundation แล้ววิเคราะห์ข้อมูลโดยแบ่งพยาบาลออกเป็น ๓ กลุ่มตามระยะเวลาที่ทำงานในวิชาชีพพยาบาล คือ (๑) น้อยกว่า ๕ ปี (๒) ๕ – ๒๐ ปี (๓) ๒๑ ปีขึ้นไป
ประมาณร้อยละ ๓๐ บอกว่ามีความคิดที่จะเลิกทำงานพยาบาล โดยกลุ่มที่ ๑ มีมากที่สุด ประมาณร้อยละ ๔๕ กลุ่มที่ ๒ ร้อยละ ๓๑ กลุ่มที่ ๓ ร้อยละ ๒๗
เขาบอกว่า การรักษาพยาบาลกลุ่มที่ ๒ และ ๓ ไว้ในงานพยาบาลมีความสำคัญทั้งต่อบริการ และต่อการฝึกพยาบาลรุ่นใหม่ เขาจึงถามว่ามีปัจจัยอะไรที่จะช่วยให้พยาบาลเหล่านั้น (รวมทั้งพยาบาลที่เกษียณแล้ว) ยังทำหน้าที่พยาบาลต่อไป ได้คำตอบจาก ๑๗๙ คน ร้อยละ ๔๕ บอกว่า ความสามารถในการจัดการเวลาของตนเอง ร้อยละ ๓๔ บอกว่า การได้เป็นอาจารย์พยาบาล ร้อยละ ๓๑ บอกว่า การได้มีความสามารถสอน (mentor) นักศึกษาหรือพยาบาลใหม่
เขาบอกว่า ผลการวิจัยนี้บ่งชี้ว่า มีความต้องการเชิงโครงสร้าง หรือเชิงระบบ ในการส่งเสริมให้พยาบาลประจำการมีความสุขในการทำงาน มีความรู้สึกเป็นทีม และมีสภาพแวดล้อมของการทำงานที่ปลอดภัยทั้งทางกายและใจ ปลอดจากการใช้วาจารุนแรง
นี่คือพยาบาลอเมริกันนะครับ แต่ผมคิดว่าพยาบาลไทยก็น่าจะมีความต้องการคล้ายกัน แต่เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว ผมได้ยินว่า พยาบาลประจำหอผู้ป่วยไทยรู้สึกว่านักศึกษาพยาบาลที่ขึ้นมาฝึกบนหอผู้ป่วย หากจะมอบให้พยาบาลประจำหอเป็นผู้สอน ก็จะเป็นภาระ เพราะงานมากอยู่แล้ว เวลานี้เป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ
เขาย้ำการสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีม และการจัดระบบเพื่อให้พยาบาลที่มีประสบการณ์ ได้ช่วยแนะนำพยาบาลที่ยังมีประสบการณ์น้อย
งานวิจัยชิ้นนี้ทำโดยทีมพยาบาล และมีการอ้างอิงไปยังงานวิจัยอื่นๆ เป็นงานที่มีคุณภาพสูง และน่าจะมีการทำวิจัยทำนองนี้ในประเทศไทย (อาจมีแล้วแต่ผมไม่ทราบ) เพื่อหาทางช่วยให้พยาบาลประจำการมีความสุขในงานที่ทำมากขึ้น ดึงดูดพยาบาลไว้ในวิชาชีพให้ได่มากที่สุด
ผมคิดว่า HA Forum ที่จัดโดย สรพ. ทุกปี และมีคนมาเข้าร่วมเกือบหมื่นคน เป็นกลไกหนึ่งของการสร้างความสุขจากการทำงาน
วิจารณ์ พานิช
๓๐ มี.ค. ๖๗
ห้อง ๑๑๐๑ JICA Kansai Center, Kobe
ไม่มีความเห็น