เป็นกิจกรรมที่มีผลเปลี่ยนวิถีชีวิตเยาวชนที่มีศักยภาพสูง ให้มุ่งอุทิศชีวิตเพื่อผู้อื่นหรือเพื่อชุมชนที่ตนเกิดมา ที่ผมได้แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ Becoming Great Universities : Small Steps for Sustained Excellence เขียนโดย ศาสตราจารย์ Richard J. Light and Allison Jegla บทที่ ๔ How Do We Attract and Support Students Who May Not Be Considering Out Institution? เล่ากิจกรรมของ Joice Ivy Foundation ในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนมัธยมปลายให้ค้นพบตัวเอง ค้นพบศักยภาพของตนเองในการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ตนเคยคิดว่า “เกินเอื้อม” นำสู่การสร้าง พลเมืองผู้ก่อการให้แก่ชุมชนชนบท
อย่างกรณีคุณ Anne ที่มาจากโรงเรียนมัธยมปลายในชุมชนบ้านนอกของรัฐมิชิแกน ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วม Joice Ivy Scholar ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ในปี ค.ศ. 2010 ช่วยเปิดโอกาส และความมั่นใจ ในชีวิต ว่าตนมีความสามารถสูงพอที่จะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นยอดของประเทศได้ และในที่สุดก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย บราวน์ และเรียนจบในปี 2016 ในสาขา Comparative Literature ที่ถือว่าเป็นสาขาด้านศิลปศาสตร์ และกลับไปทำงานในชุมชนของตนในตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเมือง
ข้อความจากการสัมภาษณ์ คุณ Anne อ่านแล้วน้ำตาไหล เพราะคุณแอนน์บอกว่า ประสบการณ์จากการได้รับคัดเลือกเป็น Joice Ivy Scholar เปลี่ยนชีวิตของตนเอง ทั้งในเรื่องเรียนและเรื่องการทำงานเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
นำผมสู่จินตนาการ เสนอต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้หา engagement partner ที่จัดทรัพยากรเพื่อคัดเลือก “ช้างเผือกในป่า” ไปทำกิจกรรมวิชาการช่วงฤดูร้องหลังจบ ม. ๕ ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แบบเดียวกันกับ Joice Ivy Scholar โดยอาจปรับกิจกรรมให้เข้ากับบริบทไทย
ท่านที่จะเอาแนวคิดนี้ไปดำเนินการต้องอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อศึกษารายละเอียดเอาเอง โดยคำแนะนำของผมคืออย่าลอกแบบ แต่ให้ตีความหลักการและคุณค่าเอาไปออกแบบกิจกรรมของเราเอง
โครงการนี้จะทำหน้าที่ส่งเสริมให้เยาวชนที่สมองดีที่สุดที่เกิดในชนบท ให้สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นพลังเปลี่ยนขาดชุมชนของตนเองอย่างที่คุณ Anne ในหนังสือทำ ผมเดาว่า Joice Ivy Scholar ส่วนใหญ่คงจะไม่กลับไปพัฒนาบ้านเกิดอย่างคุณแอนน์ (และผม) แต่จะเป็นคนที่ทำเพื่อสังคมอย่างมีพลังแบบเดียวกับคุณแอนน์ (และผม)
นี่คือหนึ่งแนวทางที่มหาวิทยาลัยทำหน้าที่ในลักษณะของ “พันธกิจเพื่อสังคม” (social engagement) ร่วมกับภาคีอย่างน้อย ๓ ภาคี คือ (๑) แหล่งทุน (อย่างกรณี Ivy League Foundation) (๒) โรงเรียนในชนบท และ (๓) นักเรียนชั้นเยี่ยมในชนบท ที่มหาวิทยาลัยในยุคปัจจุบันต้องมี “ชาลาบริหารความร่วมมือ” สร้างสรรค์ให้เกิดกิจกรรมตามแนวทางของ Joice Ivy League Foundation
นอกจากเปลี่ยนชีวิตเยาวชนแล้ว กิจกรรมดังกล่าวน่าจะเปลี่ยนขาด (transform) มหาวิทยาลัยชั้นนำด้วย ในการทำหน้าที่แสวงหาศิษย์เกรด เอ จากชนบทห่างไกล เอามาพัฒนาเป็นบัณฑิตเกรด เอ ออกไปทำหน้าที่พัฒนาและเปลี่ยนขาดสังคมอย่างที่คุณแอนน์ทำ
วิจารณ์ พานิช
๓๐ มี.ค. ๖๗S
บนเครื่องบินการบินไทย TG 673 จากสนามบินคันไซ กลับกรุงเทพ
ไม่มีความเห็น